สรุปเรื่อง "การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19" อย่างง่ายๆ
เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 นั้น ก็อยู่ในกลุ่มโคโรน่าไวรัส ที่มีรูปทรงค่อนข้างกลม มีหนามอยู่ทั่ว จนเป็นที่มาของคำว่า โคโรน่า ซึ่งแปลว่า มงกุฏ
เชื้อกลุ่มนี้มีอยู่ในธรรมชาติมานานแล้ว โดยเฉพาะในสัตว์ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะสัตว์ปีก หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม โดยมีความจำเพาะต่อเจ้าบ้านสูง
แต่มีหลายครั้งที่เกิดการย้ายเจ้าบ้าน เข้ามาอยู่ในมนุษย์ได้ ซึ่งบางสายพันธุ์ก็ก่อโรคหวัดที่ไม่รุนแรงนัก แต่บางสายพันธุ์ก็มีอันตรายสูง ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่ก่อให้เกิดโรค SARS โรค MERS จนถึงโรค COVID-19 ที่มาจากเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือที่เรียกกันว่า SARS-CoV2 (เนื่องจากมีรหัสพันธุกรรมคล้ายเชื้อที่ก่อโรค SARS) ซึ่งพบครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
ความที่เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 เป็นไวรัสที่ใช้สาย RNA เป็นสารพันธุกรรม และจะทำการจำลองตัวเพิ่มจำนวนในร่างกายของมนุษย์ที่ติดเชื้อ ซึ่งระหว่างที่จำลองตัวนั้น อาจมีการสร้างสาย RNA ใหม่ที่ผิดพลาดไปบ้าง ตรงนี้นี่เองที่ทำให้เกิด "การกลายพันธุ์" ของไวรัสขึ้น
อัตราการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด ไม่ได้เร็วมากมายเหมือนไวรัสที่ก่อโรคไข้หวัดใหญ่ คือมีอัตราเฉลี่ยประมาณ 1 ตำแหน่งพันธุกรรมต่อหนึ่งเดือน
แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อเราให้โอกาสมันกลายพันธุ์ได้บ่อยครั้งขึ้น เช่น เกิดการระบาดในบางพื้นที่ เป็นเวลานาน มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะบังเอิญเกิดเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ๆ ที่แปลกออกไปจากเดิม (ต้องเข้าใจว่าเป็นความบังเอิญนะ ไม่ใช่ว่าเชื้อไวรัสมัน "พยายาม" จะกลายพันธุ์สู้เรา อะไรทำนองนั้น แบบที่เคยได้ยินบางคนพูด)
ทีนี้ ประเด็นอยู่ว่า ถ้าบังเอิญเกิดการกลายพันธุ์แล้ว สายพันธุ์นั้นมีอะไรพิเศษให้เราต้องจับตา (variant under monitoring) ต้องสนใจ (variant of interest , VoI) หรือต้องกังวล (variant of concern , VoC) บ้างหรือไม่
ซึ่ง 3 ประเด็นที่ องค์การอนามัยโลก WHO คอยเฝ้าติดตามสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์นั้น ได้แก่ กลายพันธุ์แล้วจะทำให้เชื้อมันระบาดง่ายขึ้นหรือเปล่า กลายพันธุ์แล้วจะทำให้เชื้อก่อโรคที่รุนแรงอันตรายขึ้นหรือเปล่า และกลายพันธุ์แล้วจะทำให้วัคซีนมีปัญหาประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อนั้นหรือเปล่า
จะเห็นว่า อย่างสายพันธุ์ Mu มิว ที่เป็นข่าวไม่กี่วันนี้ ก็ถูกจัดระดับไว้เพียงแค่ VoI เท่านั้น เพราะแม้มันจะเริ่มมีระบาดในบางประเทศ ก่อปัญหากับวัคซีน แต่ก็ไม่ได้ลุกลามนัก
คนละเรื่องกับสายพันธุ์ที่เป็น VoC 4 ตัว คือ Alpha (อัลฟ่า หรือสายพันธุ์อังกฤษ) Beta (เบต้า หรือสายพันธุ์อัฟริกาใต้) Gamma (แกมม่า หรือสายพันธุ์บราซิล) Delta (เดลต้า หรือสายพันธุ์อินเดีย) ที่แต่ละตัวนั้น น่ากังวลยิ่งนัก
โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ที่แม้ว่าจะมีสายพันธุ์กลายพันธุ์อื่นๆ ที่ก่อโรคได้รุนแรงกว่า หรือหลบหนีวัคซีนได้ดีกว่า แต่เดลต้าก็มีอัตราการระบาดสูงมาก จนชนะทุกสายพันธุ์ในทุกประเทศที่มันแพร่เข้าไปถึง และ WHO ยังคอยจับตาอยู่ว่ามันจะมีการกลายพันธุ์ย่อยไปอีกหรือเปล่า
สรุปโดยรวมคือ การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นเกิดขึ้นเรื่อยๆ (โดยเฉพาะในประเทศที่มีการระบาดมากๆ นานๆ ก็จะโอกาสเจอสายพันธุ์ใหม่ๆ ) และไม่จำเป็นต้องแตกตื่นตกใจมากเวลามีข่าว จนกว่า WHO จะกำหนดให้มันเป็น VoC แล้ว ... จะสายพันธุ์ไหน เราก็ยังต้องปกป้องตัวเราและสังคมเหมือนเดิม ไม่ว่าจะ "ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ อยู่ห่างกัน ระบายอากาศ" ครับ
(คลิปวิดีโอจากงานเสวนา โครงการฟื้นฟูปอด รอดโควิด https://fb.watch/7_Ro8x_7tS/)